
ศิลป์ พีระศรี
ศิลป์ พีระศรีศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี มีนามเดิมว่า คอร์ราโด เฟโรจ (Professor Corrado Ferocil) เป็นชาวนครฟลอเรซ์ ประเทศอิตาลี เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2435 ณ ตำบล San Giovanni บิดาชื่อ นาย Artudo Feroci และมารดาชื่อ นาง Santina Feroci มีอาชีพค้าขาย เข้าศึกษาในระดับชั้นประถมเมื่อปี พ.ศ. 2441 ภายหลังจบหลักสูตร 5 ปี จึงเข้าศึกษาในโรงเรียนมัธยมอีก 5 ปี จากนั้นจึงเข้าศึกษาทางด้านศิลปะในโรงเรียนราชวิทยาลัยศิลปะแห่งนครฟลอเรนซ์ จบหลักสูตรวิชาช่าง 7 ปีในขณะที่มีอายุ 23 ปี และได้รับประกาศนียบัตรช่างปั้นช่างเขียน ซึ่งต่อมาได้สอบคัดเลือกรับปริญญาบัตรเป็นศาสตราจารย์ มีความรอบรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ศิลป์วิจารณ์ศิลป์และปรัชญา โดยเฉพาะมีความสามารถทางด้านศิลปะแขนงประติมากรรมและจิตรกรรมในสมัยรัชกาลที่ 6 มีพระประสงค์จะหาช่างปั้นมาช่วยปฎิบัติราชการเพื่อฝึกฝนให้คนไทย สามารถปั้นรูปได้อย่างแบบตะวันตกและสามารถมีความรู้ถึงเทคนิคต่างๆ ในงานประติมากรรมด้วย จึงได้ติดต่อกับรัฐบาลอิตาลีขอคัดเลือกนัก ประติมากรที่ชื่อเสียงเพื่อเข้ามาปฎิบัติราชการกับรัฐบาลไทย ทางรัฐบาลอิตาลีจึงเสนอนายคอร์ราโด เฟโรจี มาพร้อมทั้งคุณวุฒิและผลงาน ซึ่งรัฐบาลไทยก็ยินดีรับเข้าเป็นข้าราชการในตำแหน่งช่างปั้นกรมศิลปากร กระทรวงวัง เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2466 เมื่ออายุย่างเข้า 32 ปี โดยได้รับเงินเดือนเดือนละ 800 บาท ค่าเช่าบ้าน 80 บาท
ต่อมาในปี พ.ศ. 2469 ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้ดำรงตำแหน่งอาจารย์ช่างปั้นหล่อ แผนกศิล

ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี กำลังปั้นพระรูปพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ด้วยดินเหนียว
เมื่อทางราชการเห็นความสำคัญของการศึกษาศิลปะตามแนวในปัจจุบัน จึงได้ขอให้ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้วางหลักสูตรการศึกษาให้มีมาตรฐานเดียวกันกับโรงเรียนศิลปะในยุโรป ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี จึงเริ่มวางหลักสูตรวิชาจิตรกรรมและประติมากรรมขึ้นในระยะเริ่มแรกชื่อ "โรงเรียนประณีตศิลปกรรม" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "โรงเรียนศิลปากรแผนกช่าง" และในปี พ.ศ. 2485 กรมศิลปากรได้แยกจากกระทรวงศึกษาธิการไปขึ้นอยู่กับสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลในขณะนั้น โดย ฯพณฯ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ตระหนักถึงความสำคัญของศิลปะว่าเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งสาขาหนึ่งของชาติ จึงได้มีคำสั่งให้อธิบดีกรมศิลปากรในขณะนั้นคือ พระยาอนุมานราชธน ดำเนินการปรับปรุงหลักสูตร และตราพราราชบัญญัติยกฐานะโรงเรียนศิลปากรขึ้นเป็น มหาวิทยาลัยศิลปากร มีคณะวิชาเดียวของมหาวิทยาลัยศิลปากร เปิดสอนเพียง 2 สาขา วิชาคือ สาขาจิตรกรรมและสาขาประติมากรรม และมีศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้อำนวยการสอนและดำรงตำแหน่งคณบดีคนแรก ดังนั้นการเรียนการสอนศิลปะในสาขาวิชาศิลปะจึงเริ่มดำเนินการในระดับปริญญาขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ในปี พ.ศ. 2491 ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลไทยให้นำศิลปะไทยไปแสดง ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปีนี้ทานได้เดินทางกลับไปประเทศอิตาลี และเดินทางกลับมาประเทศไทยอีกครั้งในต้นปี พ.ศ. 2492 โดยกลับมาใช้ชีวิตเป็นครูสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาทางด้านศิลปะอยู่ที่คณะจิตรกรรมและประติมากรรม ในปี พ.ศ. 2496 ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้รับหน้าที่อันมีเกียรติคือ เป็นประธานกรรมสมาคมศิลปะแห่งชาติซึ่งขึ้นอยู่กับสมาคมศิลปะนานาชาติ (International Association of Art) ในปี พ.ศ. 2497 ได้เป็นผู้แทนศิลปินไทยไปร่วมประชุมศิลปินระหว่างชาติครั้งแรกที่กรุงเวนิช ประเทศอิตาลี และในปี พ.ศ. 2503 การประชุมใหญ่ครั้งที่ 3 ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียท่านได้นำเอกสารผลงานศิลปะและบทความศิลปะชื่อศิลปะร่วมสมัยในประเทศไทย (Contemporary Art in Thailand) ไปเผยแพร่ในการประชุมด้วย ทำให้นานาชาติรู้จักประเทศไทยดีขึ้น และนับเป็นคนแรกที่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนศิลปะระหว่างศิลปินต่างประเทศขึ้น
ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2505 รวมสิริอายุได้ 70 ปี กำเนิดโรงเรียนประณีตศิลปกรรมสู่โรงเรียนศิลปากร ภายหลังจากก่อตั้งกรมศิลปากรขึ้นใหม่ เพื่อให้เป็นหน่วยงานที่มีความรับผิดชอบงานทางด้านศิลปกรรมโดยตรง และแบ่งประเภทงานศิลปกรรมออกเป็น 7 สาขา คือ งานช่างปั้น ช่างเขียน ดุริยางคศาสตร์ นาฎศาสตร์ สุทรพจน์ สภาปัตยกรรม และอักษรศาสตร์ ทำให้กรมศิลปากรมีหน้าที่ดูแลงานต่างๆ ขึ้นโดยชัดเจน หลวงวิจิตรวาทการ (กิมเหลียง วัฒนปฤต) อธิบดีกรมศิลปากรในขณะนั้น ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ข้าราชการอยู่ในแผนกจิตรกรรมประติมากรรมและช่างรักกองสถาปัตยกรรมของกรมศิลปากร และคุณพระสาโรช รัตนนิมมานก์ (สาโรช สุขยงค์) สถาปนิกของกรมศิลปากรได้มีดำริร่วมกัน ในการผลิตบุคลากรเพื่อสานต่องานด้านศิลปกรรมของกรมศิลปากร โดยการจัดตั้งโรงเรียนอบรมและสอนวิชาศิลปะให้แก่ข้าราชการและคนไทยอย่างเป็นขั้นตอน ดังนั้นโรงเรียนประณีตศิลปกรรมจึงถูกจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2477
โรงเรียนประณีตศิลปกรรม มีหลักสูตร 4 ปี ทำการสอนศิลปะตามมาตรฐานเดียวกับโรงเรียนศิลปะในยุโรป มีวิชาดังต่อไปนี้
ทฤษฏี Projection Light and Shade PerspectiveLandscapeAnatomyHistory of ArtComposition and DesignCritic ArtAesthetic OrnamentStyle of ArtTheory of colour Thai Architecture
ปฏิบัติสาขาประติมากรรม - การปั้นนูนต่ำ - การปั้นนูนสูง - การปั้นลอยตัว สาขาจิตรกรรม - เส้นดินสอ - เส้นถ่าน - การระบายสินค้า - สีน้ำมัน - สีฝุ่น
นักเรียนรุ่นแรกของโรงเรียนประณีตศิลปกรรมมีทั้งหมด 7 คนคือ แช่ม ขาวมีชื่อ พิมาน มูลประมุข สิทธิเดช แสงหิรัญ เฟื้อ หริพิทักษ์ จงกล กำจัดโรค สวัสดิ์ ชื่นมะนา และพวงทอง ไกรหงษ์ ในระยะแรกๆ ของการเรียนการสอนศิลปะในโรงเรียนประณีตศิลปกรรมนั้น ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรีเป็นผู้อำนวยการสอน มีครู อาจารย์และศิษย์รุ่นแรกๆ ช่วยสอนนักเรียนรุ่นต่อๆ มา การเข้าเรียนในโรงเรียนประณีตศิลปกรรมระยะแรกนั้น ใครสมัครเรียนช่างเขียนก็สอบระบายสีน้ำ ใครสมัครเรียนช่างปั้นจากแบบที่กำหนดให้ ในปี พ.ศ. 2480 โรงเรียนประณีตศิลปกรรมได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรัยนศิลปากรแผนกช่าง ปรับปรุงการเรียนการสอนออกเป็น 3 แผนก คือ แผนกนาฏดุริยางค์ แผนกประณีตศิลปกรรม และแผนกศิลปอุตสาหกรรม นักเรียนที่เรียนทางจิตรกรรมและประติมากรรมอยู่ในแผนกประณีตศิลปกรรม และ ยังคงใช้แนวการศึกษาแบบอะคาเดมี (Academy) แบบยุโรปในการเรียนการ สอนคือฝึกฝนพื้นฐานความรู้ความสามารถในการสร้างผลงานแบบเหมือนจริง โดยอาศัยข้อมูลจากธรรมชาติเป็นหลัก
ขอบคุณมาก ที่ให้ข้อมูล
ตอบลบ